รีวิวหนังสือ: The Night Shift ร้านนี้เปิดให้ตายหลัง 4 ทุ่ม
เรามักคุ้นเคยกับเรื่องราวฆาตกรรมที่เต็มไปด้วยฉากระทึกขวัญและการไล่ล่าหายใจไม่ทั่วท้อง แต่ The Night Shift กลับเลือกเล่าเรื่องในทางที่ต่างออกไป มันไม่ได้หวือหวาแบบ Scream หรือโหดสะใจแบบ Slasher ทั่วไป แต่มันใช้ “ความเจ็บ” ของตัวละครเป็นเครื่องมือสำคัญในการเล่าเรื่อง คดีฆาตกรรมอาจเป็นเพียงฉากหน้า แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือบาดแผลของวัยรุ่น ครอบครัวที่แตกร้าว และความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง

เรื่องย่อ
เรื่องราวของ The Night Shift เปิดฉากด้วยค่ำคืนที่ไม่น่าลืมเลือน คืนสิ้นปี 1999 ที่ร้านเช่าวิดีโอเล็กๆ ในเมืองหนึ่งของอเมริกา ขณะที่คนทั้งโลกกำลังวิตกกับปรากฏการณ์ Y2K ที่อาจทำให้ระบบคอมพิวเตอร์พังทลาย มีบางสิ่งที่พังจริง ๆ ในนาทีนั้น แต่ไม่ใช่ระบบดิจิทัล หากคือชีวิตของวัยรุ่นสี่คนที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ทราบสาเหตุ เหลือเพียงผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียว และคำพูดสุดท้ายที่เธอได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบคือคำว่า “ราตรีสวัสดิ์…คนสวย”
เวลาผ่านไป 15 ปี เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เป้าหมายคือร้านไอศกรีม มีวัยรุ่นสามคนที่เสียชีวิตในค่ำคืนหนึ่ง และผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวก็ได้ยินประโยคเดียวกันกับคดีเมื่อ 15 ปีก่อน นี่คือฝีมือของฆาตกรคนเดิม หรือเป็นเพียงใครบางคนที่เลียนแบบเหตุการณ์สุดสะพรึงนั้น?

หลายคนอาจคาดหวังว่านี่จะเป็นนิยายแนวไล่ล่าฆาตกรรมแบบ Slasher ที่เต็มไปด้วยฉากโหดระทึก ไม่ต่างจากภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง Scream หรือ I Know What You Did Last Summer แต่ The Night Shift กลับเดินเรื่องในทิศทางที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
แทนที่จะใส่ฉากฆาตกรรมติดๆ กันเพื่อเร้าอารมณ์ นิยายเล่มนี้เลือกจะลงลึกกับด้านมืดของชีวิตวัยรุ่น ผ่านการสำรวจประเด็นหนักๆ อย่างความรุนแรงในครอบครัว การเสพยา ปัญหาความสัมพันธ์ในวัยเรียน และชีวิตที่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดในสังคมที่แสนเปราะบาง
การเล่าเรื่อง
เรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครหลัก 3 คน ซึ่งมีภูมิหลังและปัญหาที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนมีจุดร่วมเดียวกัน พวกเขาเชื่อมโยงกับเหตุฆาตกรรมทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยแต่ละตอนจะผลัดกันเล่าผ่านมุมมองของตัวเอง ซึ่งช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวละครและทำให้ผู้อ่านสามารถเห็นเหตุการณ์ในหลายแง่มุม
แม้โครงเรื่องหลักจะมีความลึกลับน่าติดตาม แต่ก็แอบแทรกด้วยเส้นเรื่องย่อย (sub-plot) มากมาย บางช่วงรู้สึกเหมือนกำลังอ่านดราม่าชีวิตมากกว่านิยายฆาตกรรม นี่อาจไม่ใช่จุดด้อยหากผู้อ่านเข้าถึงด้วยความเข้าใจ แต่ถ้าคาดหวังว่าจะได้อ่านอะไรที่เน้นฉากลุ้นระทึกตลอดเวลา ก็อาจรู้สึกผิดหวังได้
รีวิวและความรู้สึกหลังอ่าน

ในช่วงท้ายของเรื่อง ที่ควรจะเป็นไคลแม็กซ์แห่งความจริงกลับรู้สึกแผ่วกว่าที่คาดไว้ ปมต่าง ๆ ถูกคลี่คลายเร็วเกินไป แรงจูงใจของฆาตกรก็ไม่ได้ลึกซึ้งมากพอจะทำให้รู้สึกเห็นใจหรือเข้าใจ หลายตัวละครถูกปล่อยค้างกลางอากาศ โดยเฉพาะบางคนที่เราเฝ้ารอตั้งแต่ต้นว่าเขาจะมีบทสรุปอย่างไรแต่กลับไม่ได้รับคำตอบใด ๆ เลย
อีกประเด็นที่ควรพูดถึงคือการทำการตลาดของเล่มนี้ หน้าปกและคำโปรยสร้างภาพจำว่านี่คือนิยายระทึกขวัญแบบไล่ฆ่า จนผู้อ่านอาจรู้สึกว่าโดนหลอกเล็กน้อยเมื่อพบว่ามันคือดราม่าหนักๆ ที่เต็มไปด้วยบาดแผลทางใจของตัวละครมากกว่าจะเป็นความสยองขวัญ
แต่ถ้ามองข้ามจุดเหล่านั้น และอ่านด้วยมุมมองที่เปิดใจ The Night Shift ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว มันเป็นนิยายที่ถ่ายทอดความเจ็บปวด การต่อสู้ และชีวิตที่ต้องก้าวข้ามอดีตอันเจ็บปวดให้ได้ พร้อมตั้งคำถามกับผู้อ่านถึงความยุติธรรม การให้อภัย และความรุนแรงที่อาจสืบทอดผ่านรุ่นสู่รุ่น
สรุป
The Night Shift อาจไม่ใช่นิยายฆาตกรรมที่หวือหวา แต่มันคือกระจกสะท้อนชีวิตวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงและบาดแผลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ฉากหลังของร้านวิดีโอและร้านไอศกรีมอาจดูเหมือนแค่ฉากประกอบ แต่จริงๆ แล้วมันคือพื้นที่ที่หลอมรวมอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกัน ทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นิยาย แต่เป็นประสบการณ์การอ่านที่หม่นและลึกในแบบของมันเอง
ชื่อเรื่อง: The Night Shift ร้านนี้เปิดให้ตายหลัง 4 ทุ่ม
ผู้เขียน: Alex Finlay
สำนักพิมพ์: น้ำพุ
ประเภท: ระทึกขวัญ
จำนวนหน้า: 341 หน้า
พิกัดซื้อ: https://s.shopee.co.th/30ZhjKh0td
RELATED POSTS





