Houdini and Doyle: สองเพื่อนสนิทที่แตกหักเพราะวิญญาณ
ในโลกของประวัติศาสตร์ มีมิตรภาพหลายคู่ที่น่าสนใจ แต่คงไม่มีคู่ไหนแปลกไปกว่านี้อีกแล้ว หนึ่งคนคือแฮร์รี ฮูดินี นักมายากลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นเจ้าของฉายา “ราชาแห่งการแหกคุก” อีกคนคือเซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ นักเขียนชาวอังกฤษผู้ให้กำเนิดนักสืบในตำนานอย่าง Sherlock Holmes เมื่อมองเผิน ๆ ทั้งสองดูไม่น่าจะมีอะไรเหมือนกัน แต่สิ่งที่เชื่อมโยงพวกเขาไว้ได้ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตคือ “ความหลงใหลในเรื่องลี้ลับ” โดยเฉพาะการสื่อสารกับวิญญาณ
จุดเริ่มต้นของทั้งสอง

ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความสนใจเรื่องการติดต่อกับคนตายกลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างสูง หลายครอบครัวที่สูญเสียคนรักต่างแสวงหาความหวังว่าจะสามารถสื่อสารกับพวกเขาอีกครั้งได้ และทั้งโคนัน ดอยล์กับฮูดินีก็เป็นส่วนหนึ่งของกระแสนั้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้จะสนใจในเรื่องเดียวกัน แต่มุมมองของทั้งคู่กลับต่างกันสุดขั้ว
โคนัน ดอยล์เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่ามีโลกหลังความตาย และเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนการสื่อวิญญาณอย่างเปิดเผย เขาเขียนหนังสือและเดินสายพูดในหลายเวทีเพื่อยืนยันความเชื่อนี้ ขณะที่ฮูดินีในฐานะนักมายากล กลับมองว่าการติดต่อกับวิญญาณเป็นเพียงกลลวงที่ใช้เทคนิคทางจิตวิทยาและมายากลหลอกผู้คนที่กำลังเสียใจและเปราะบาง เขาจึงถือว่าการสื่อวิญญาณไม่เพียงแต่เป็นเรื่องหลอกลวง แต่ยังเป็นการหากินกับความทุกข์ของคนอื่น
ทั้งสองพบกันครั้งแรกในปี 1920 ขณะฮูดินีเดินทางไปแสดงโชว์ที่อังกฤษ โคนัน ดอยล์ซึ่งเป็นแฟนคลับของเขารีบติดต่อขอพบ และทั้งสองใช้เวลาคุยกันยาวนานจนกลายเป็นเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับโลกวิญญาณ ศิลปะมายากล และประวัติศาสตร์ลึกลับ ถือเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีและเต็มไปด้วยความเคารพต่อกัน
พิธีสื่อวิญญาณ

แต่มิตรภาพที่ดูแข็งแรงกลับเริ่มร้าวลงอย่างรวดเร็วเมื่อในปี 1922 โคนัน ดอยล์เชิญฮูดินีไปร่วมพิธีสื่อวิญญาณกับภรรยาของเขา จีน ดอยล์ ซึ่งอ้างว่าสามารถติดต่อกับแม่ของฮูดินีได้ ในพิธีนั้น จีนได้เขียนข้อความยาวเหยียดซึ่งเธออ้างว่าเป็นคำพูดจากวิญญาณของแม่ฮูดินี มีคำอวยพรที่อบอุ่นและบอกว่าเธออยู่ในที่ที่ดีแล้ว
แต่สิ่งที่ควรจะเป็นโมเมนต์แห่งการเชื่อมต่อกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกร้าว ฮูดินีรู้สึกผิดปกติกับเนื้อหาของข้อความทันที ข้อความทั้งหมดเขียนด้วยภาษาอังกฤษ ขณะที่แม่ของเขาไม่เคยพูดภาษาอังกฤษเลย พูดได้เพียงเยอรมันและยิดดิชเท่านั้น แถมยังมีการกล่าวถึง “พระเยซู” ทั้งที่ครอบครัวเขานับถือศาสนายิว สิ่งเหล่านี้ทำให้ฮูดินีมั่นใจว่านี่คือการแสดงที่ถูกจัดฉากขึ้น ไม่ใช่การติดต่อกับวิญญาณจริง ๆ
ศัตรูทางความคิดที่ไม่มีวันหวนคืน

หลังจากเหตุการณ์นี้ ฮูดินีเริ่มออกเดินสายเปิดโปงเทคนิคของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นร่างทรงหรือสามารถสื่อสารกับคนตายได้ เขาใช้ทักษะมายากลของตนเองในการอธิบายว่ากลโกงเหล่านี้ทำอย่างไร และเตือนผู้คนไม่ให้หลงเชื่อ ส่วนโคนัน ดอยล์ซึ่งผิดหวังในตัวเพื่อน เขียนบทความตอบโต้และกล่าวหาฮูดินีว่าใจแคบ ไม่ยอมรับความจริงที่อยู่นอกเหนือวิทยาศาสตร์
การโต้แย้งของทั้งสองขยายตัวไปในที่สาธารณะ ผ่านบทสัมภาษณ์ หนังสือ และจดหมาย ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เคยแน่นแฟ้น ค่อย ๆ จางหายไป จนกลายเป็นศัตรูทางความคิดที่ไม่มีวันหวนคืน
เรื่องราวของฮูดินีและโคนัน ดอยล์เป็นบทเรียนสำคัญของมิตรภาพที่ถูกทดสอบด้วยความเชื่อและโลกทัศน์ เมื่อเรายึดมั่นในความคิดของตนโดยไม่รับฟังอีกฝ่าย บางครั้งมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็อาจพังลงได้อย่างน่าเสียดาย
RELATED POSTS





