เกาะผีดุ: ตำนานสาวชุดแดง ‘อิมาโจะ’ แห่งเกาะต้องสาป
ผมเริ่มอ่าน เกาะผีดุ ด้วยความรู้สึกว่า เออ มันก็คงเป็นนิยายผีทั่วไปที่มีเกาะ มีคำสาป มีหญิงชุดแดง แต่ไม่ครับ หนังสือเล่มนี้เปิดมาแบบโยนศัพท์วิทยาศาสตร์ใส่หน้าตั้งแต่บทแรก พูดถึงโลกเสมือนจริงที่ชื่อ “ชินเซไก” ที่สามารถแปลงข้อมูลมนุษย์ให้เข้าไปอยู่ในระบบได้ ซึ่งไม่ใช่แค่การจำลองภาพหรือ VR ทั่วไป แต่มันคือการเอาตัวตนจริงๆ ของคนเข้าไปอยู่ในโลกนั้นเลย อ่านไปก็เริ่มงงว่ากำลังอ่านนิยายผีหรือวิจัยวิทยาศาสตร์กันแน่
คำสาปในเกาะ

เรื่องราวใน เกาะผีดุ เริ่มต้นขึ้นที่ “เกาะซาไกจิมะ” เกาะห่างไกลที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของตำนานพื้นบ้าน บางคนเชื่อว่าที่นี่มีร่างทรงที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น บางคนพูดถึงคำสาปของหญิงสาวลึกลับที่ยังคงวนเวียนอยู่ในดินแดนนี้แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง โครงการพัฒนาโลกเสมือนจริงที่ชื่อว่า ชินเซไก กำลังดำเนินงานอยู่บนเกาะโดยกลุ่มนักวิจัยนำโดย “อิเดะ ฟุมิโกะ” โดยโครงการนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างโลกเสมือนที่สมจริงที่สุด ให้ผู้คนสามารถเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ข้างในได้แบบเต็มตัว ไม่ใช่แค่การใส่แว่นแล้วมองเห็นภาพแบบ VR ทั่วไป แต่คือการย้ายจิตสำนึกทั้งหมดเข้าไปใช้ชีวิตภายในระบบเลย
แต่จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น มีคนสองคนเสียชีวิตในวันและเวลาเดียวกันในสภาพเหมือนจมน้ำ แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้อยู่ใกล้น้ำแม้แต่นิดเดียว ไม่มีใครสามารถอธิบายสาเหตุได้ และยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขาเคยเข้าไปอยู่ใน ชินเซไก มาก่อน
ตั้งแต่จุดนั้นเป็นต้นมา โลกเสมือนเริ่มเกิดสัญญาณแปลกๆ มีภาพซ้อน มีเสียงรบกวน และวัตถุสีแดงบางอย่างที่ปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะการปรากฏของภาพ “หญิงชุดแดงผมยาว” และเมื่อเริ่มมีคนพูดถึง ชื่อ “อิมาโจะ” ตำนานผีประจำเกาะก็กลับมาอีกครั้ง ไม่มีใครแน่ใจว่าเธอเป็นเพียงข้อผิดพลาดของระบบ หรือเป็นคำสาปที่หลุดเข้ามาในโลกที่มนุษย์สร้างขึ้น
พวกเขาปลุกเธอขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ หรือจริงๆ แล้วเธอไม่เคยหายไปเลยตั้งแต่ต้น
ผีหรือเทคโนโลยี

แต่สิ่งที่ทำให้ เกาะผีดุ น่าสนใจมากคือมันหลอกคนอ่านอยู่ตลอด ว่าความหลอนทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันมาจากคำสาปจริงๆ หรือเป็นความผิดพลาดของเทคโนโลยี หรือบางทีทุกคนในเรื่องอาจจะอยู่ในโลกเสมือนมาตั้งแต่ต้นก็ได้ แบบเดียวกับ The Matrix มันมีบางช่วงที่รู้สึกว่าเรากำลังดู Black Mirror เวอร์ชันญี่ปุ่นอยู่ ทั้งการใช้เทคโนโลยีแปลงข้อมูลมนุษย์ให้กลายเป็นนักโทษในคุกดิจิทัล หรือแนวคิดโลกเสมือนที่เหมือนฝัน พาร์ทที่ผมชอบมากคือช่วงท้ายของเล่ม ที่ตัวละครหลักทั้งหลายถูกไล่ล่า ฝั่งผีก็ล่าไม่หยุด ฝั่งคนก็ไม่ยอมตายง่ายๆ ทำให้การอ่านช่วงท้ายไม่มีจังหวะให้เบื่อเลย
คำสารภาพของเด็กคนหนึ่ง

ตอนจบของ เกาะผีดุ มันทิ้งคำถามไว้หลายข้อมาก ทั้งเรื่องของความจริงในโลกเสมือน ความผิดพลาดของมนุษย์ที่เล่นกับพลังที่เกินควบคุม และบทสรุปของ ‘อิมาโจะ’ หญิงชุดแดงในตำนานที่เป็นหัวใจของคำสาป ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้บทสุดท้าย โดยเฉพาะบทที่ 46 กลายเป็นภาพจำของเล่มนี้ไปเลย สำหรับผมคือบทที่อ่านจบแล้วยังนั่งนิ่งๆ อยู่นานมาก ก่อนจะค่อยๆ ประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ก็ต้องพูดตรงๆ ว่า ผีในเล่มนี้ไม่ได้หลอนเท่าที่คาดหวังไว้ ตัวอิมาโจะ ผู้หญิงชุดแดงผมยาว ถึงจะมีแบ็คกราวด์น่าสนใจ แต่ภาพลักษณ์ของเธอไม่ได้ทำให้ผมกลัวเท่าไหร่ รู้สึกว่า ถ้าจะให้น่ากลัวกว่านี้น่าจะเพิ่มดีเทลสยองขวัญอีกนิดนึง555555
เมื่อฆาตกรรมไม่ใช่จุดจบ

ต้องบอกไว้ก่อนว่าใครที่ไม่ชอบเนื้อหารุนแรง ควรระวังช่วงที่เล่าย้อนไปถึงที่มาของคำสาป เพราะตรงนี้เนื้อหาหนักมากจริงๆ เป็นพาร์ทที่ผู้เขียนขยี้สุดทางจนทำให้ความหม่นของเรื่องพุ่งขึ้นแบบสุดๆ
สำหรับผม เกาะผีดุ เป็นเรื่องที่เอาคำสาปโบราณมาหลอมรวมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างกลมกล่อม และกลายเป็นนิยายผีที่ไม่เหมือนใคร ถ้าคุณชอบนิยายสยองขวัญที่แปลกใหม่ เล่มนี้คืออีกเล่มที่ควรหามาอ่านครับ
ชื่อเรื่อง: เกาะผีดุ
ผู้เขียน: ฮิซาดะ ทัตสึกิ
สำนักพิมพ์: Biblio
ประเภท: ลึกลับ
จำนวนหน้า: 488 หน้า
RELATED POSTS





