รีวิวหนังสือ: แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ
คุณอาจจะคิดว่าการรีวิวหนังสือที่ออกมาตั้งแต่ปี 1998 มันจะมีอะไรให้พูดอีก? แต่ขอบอกเลยว่า Harry Potter and the Chamber of Secrets หรือในชื่อไทยว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ นั้นยังเต็มไปด้วยรายละเอียดที่อ่านกี่ทีก็ยังว้าว โดยเฉพาะเมื่อเรากลับมาอ่านในวัยผู้ใหญ่ ที่เข้าใจการเมืองเวทมนตร์และบริบทของตัวละครมากขึ้นกว่าเดิม นี่ไม่ใช่แค่หนังสือแฟนตาซี แต่คือชิ้นงานที่ซ่อนทั้งประเด็นสังคม การเหยียดเชื้อสาย และมิตรภาพไว้แน่นเอี๊ยด
เนื้อเรื่อง

เรื่องราวในภาคนี้เริ่มต้นอย่างวุ่นวายตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม เมื่อแฮร์รี่ได้รับคำเตือนจากด็อบบี้ เอลฟ์ประจำบ้านตัวจิ๋วที่อุตส่าห์แอบหนีมาบอกว่าอย่ากลับไปฮอกวอตส์เด็ดขาด แต่แน่นอนว่าแฮร์รี่ไม่ฟัง และจบลงด้วยการต้องนั่งรถเหาะไปโรงเรียนเพราะชานชาลาดันปิดตายซะงั้น!
เมื่อกลับมาถึงฮอกวอตส์ เหตุการณ์แปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ทั้งเสียงกระซิบจากกำแพง คำเตือนลึกลับจาก “ทายาทแห่งสลิธีริน” และการโจมตีพวกเลือดสีโคลนด้วยวิธีที่ไม่มีใครเข้าใจ บรรยากาศที่เคยอบอุ่นกลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนหวาดกลัว และแฮร์รี่ก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งอีกครั้ง เพราะเขา “ได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน”
ในขณะที่เพื่อนๆ กังวลกันว่าใครคือผู้ร้าย แฮร์รี่กลับค้นพบบันทึกของทอม ริดเดิ้ล ที่พาเขาย้อนกลับไปยังอดีต และเปิดเผยเรื่องราวบางอย่างที่เคยถูกซ่อนไว้เกี่ยวกับการเปิดห้องแห่งความลับเมื่อหลายปีก่อน
การเล่าเรื่อง
หนึ่งในจุดเด่นของภาคนี้คือโทนเรื่องที่โตขึ้นจากเล่มแรกอย่างชัดเจน บรรยากาศไม่ใช่แค่เด็กๆ เล่นเวทมนตร์อีกต่อไป แต่กลายเป็นการไขปริศนา การเผชิญหน้ากับอดีต และความกล้าหาญของแฮร์รี่ที่เริ่มชัดเจนขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเริ่มมีมิติมากขึ้น เราได้เห็นความแตกต่างในแนวคิดเรื่อง “สายเลือด” ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่ลึกและค่อนข้างสะท้อนสังคมจริงอยู่ไม่น้อย
รีวิว
สิ่งที่ต้องพูดถึงคือการเปรียบเทียบระหว่างหนังสือกับภาพยนตร์ สำหรับใครที่เคยดูแต่หนัง อาจรู้สึกว่าเหตุการณ์ต่างๆ ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและง่ายดายเกินไป เช่น การหาหนังสือต้องห้าม หรือลุ้นแผนการแอบขโมยของจากสเนปเพื่อทำน้ำยาสรรพรส ซึ่งในหนังสือมีรายละเอียดที่ตื่นเต้นและสนุกกว่ามาก
ตัวละครใหม่ในเล่มนี้ก็โดดเด่น โดยเฉพาะลูเซียส มัลฟอย ที่มาพร้อมกับรังสีอำมหิตและทัศนคติแบบเลือดบริสุทธิ์ชนิดที่อยากถามว่า “ทำไมคนแบบนี้ยังไม่ติดคุกอัซคาบัน?” รวมถึงกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต อาจารย์สุดเฟคที่ขโมยซีนด้วยความตลกแบบเงียบๆ (แต่รำคาญสุดๆ)

ภาคนี้ยังเปิดโลกใหม่ๆ ให้เราได้รู้จักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงเวทมนตร์ คุกอัซคาบัน และการเมืองภายในฮอกวอตส์ ความลึกลับของห้องแห่งความลับเองก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นเรื่องหลักที่จะพาเราเข้าสู่ความจริงเบื้องหลังตัวละครทอม ริดเดิ้ล ที่ในภายหลังเราจะรู้ว่าเขาคือใคร
แฮร์รี่เองก็เริ่มกลายเป็นฮีโร่ที่โตขึ้น ผ่านบททดสอบของความกล้า การตัดสินใจ และความจริงใจต่อเพื่อน นอกจากนี้ เรายังเห็นสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับดัมเบิลดอร์ ที่เริ่มมีความหมายลึกซึ้งขึ้น
ชื่อเรื่อง: แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ
ผู้เขียน: J.K. Rowling
สำนักพิมพ์: Nanmeebooks
ประเภท: แฟนตาซี
จำนวนหน้า: 352 หน้า
พิกัดซื้อ: https://s.shopee.co.th/xvTY6nkE
เนื้อหาต่อไปนี้มีสปอย
ถ้าจะเลือกฉากที่ตราตรึงที่สุดในภาคนี้ คงหนีไม่พ้นฉากที่แฮร์รี่ต้องเผชิญหน้ากับบาซิลิสก์ยักษ์ในห้องแห่งความลับ พร้อมกับนกฟีนิกซ์ที่บินมาช่วยแบบเหนือความคาดหมาย น้ำตาของฟอกซ์ช่วยรักษาบาดแผล ดาบกริฟฟินดอร์ที่โผล่ออกมาจากหมวกคัดสรร และการเอาดาบเสียบงูยักษ์คือซีนที่เท่มากแบบไม่ต้องพยายามเลยจริงๆ
แล้วก็ขอแอบพูดถึงเพอร์ซี่ วิสลีย์หน่อย คนอะไรน่าสงสัยทั้งเรื่อง สุดท้ายกลายเป็นคนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเลยซะงั้น 555
RELATED POSTS





