อริสโตฟาเนส: เมื่อความรักคือการตามหาอีกครึ่งหนึ่งของเรา
มนุษย์ทรงกลม

เมื่อเทพเจ้าซุสเห็นว่ามนุษย์เริ่มแผลงฤทธิ์เกินควร เขาจึงตัดสินใจลงโทษ ด้วยการใช้สายฟ้าผ่าร่างมนุษย์ออกเป็นสองซีก แต่ละซีกกลายมาเป็นมนุษย์แบบที่เราเป็นกันอยู่ในทุกวันนี้ และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของความรู้สึก “ขาดบางอย่าง” ที่ฝังอยู่ในหัวใจของเราทุกคนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตามหาอีกซีกที่หายไป
หลังจากถูกแยกจากกัน วิญญาณของเราก็ไม่เคยหยุดตามหาอีกซีกที่หายไป ไม่ว่าอีกครึ่งนั้นจะเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศ ความรักจึงไม่ใช่แค่การชอบพอหรือความสัมพันธ์ทางกาย แต่คือการแสวงหาสิ่งที่เคยทำให้เราสมบูรณ์ ความรักจึงกลายเป็นภารกิจในชีวิตที่ยากเย็นกว่าที่คิด เป็นแรงดึงดูดที่พาเราไปหาคนที่ใช่ โดยที่เราอาจไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกผูกพันกับใครบางคนอย่างไม่มีเหตุผล
อริสโตฟาเนสบรรยายไว้ว่า “เมื่อทั้งสองซีกได้พบกันอีกครั้ง ต่างพุ่งเข้ากอดรัดและไม่ยอมปล่อยราวกับอยากหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันอีกครั้ง พวกเขาโหยหาอย่างสุดหัวใจ และไม่ต้องการจะแยกจากกันอีกต่อไป” จากประโยคนี้ มันได้อธิบายความเป็นมนุษย์ได้ลึกซึ้งกว่าสิ่งไหนๆ
นิยามของคู่แท้

สิ่งที่ทำให้แนวคิดของอริสโตฟาเนสโดดเด่นในวงสนทนาของ Symposium คือการอธิบายความรักผ่านตำนานและจินตนาการ มากกว่าการวิเคราะห์ทางเหตุผลแบบนักปรัชญาคนอื่นๆ เรื่องเล่านี้กลายเป็นต้นแบบของแนวคิด “soulmate” หรือ “คู่แท้” ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกตะวันตก แนวคิดที่ว่าในโลกนี้มีใครสักคนที่เป็นอีกครึ่งหนึ่งของเรา และเรากำลังตามหาเขาหรือเธออยู่
แม้ว่าเรื่องราวของอริสโตฟาเนสจะฟังดูเหมือนนิทาน แต่ก็ยังคงสะท้อนภาพของมนุษย์ที่เปราะบาง โหยหา และแสวงหาความสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลา ความรักในมุมของเขาจึงไม่ใช่แค่ความโรแมนติกแบบในหนังรัก แต่มันคือคำอธิบายหนึ่งของความเป็นมนุษย์ ที่ไม่ว่าจะยุคไหน สมัยไหน ก็ยังคงจริงอยู่เสมอ
RELATED POSTS





