จนศพสุดท้าย: ใครที่อยู่เบื้องหลังการพิพากษาคนบาปทั้ง 10
หากมีหนังสือเล่มไหนของอกาธา คริสตี้ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง And Then There Were None คือคำตอบที่ผมไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นผลงานที่คริสตี้เองยังเคยบอกว่า “เขียนยากที่สุด” แล้ว มันยังเป็นเล่มที่พลิกโครงสร้างของนิยายสืบสวนไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่ต้องมีปัวโรต์ ไม่ต้องมีมิสมาร์เปิล ไม่มีนักสืบ ไม่มีตำรวจ มีเพียงคนสิบคนบนเกาะที่ไม่มีใครไว้ใจใคร และทุกคนกำลังรอวันตายของตัวเอง
เกาะที่ไม่มีทางหนี กับความผิดที่ไม่มีทางลืม

เรื่องเริ่มจากการที่คนแปลกหน้าสิบคนได้รับจดหมายเชิญไปยังเกาะทหาร โดยเจ้าของเกาะที่พวกเขาไม่เคยพบหน้า แต่ละคนต่างมีเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้ต้องยอมเดินทางไป แต่เมื่อไปถึง กลับพบว่าผู้เชิญไม่ได้อยู่ที่นั่น มีเพียงคนรับใช้สองคนที่เพิ่งมาถึงก่อนหน้าไม่กี่วัน
ในคืนนั้นเอง เสียงจากแผ่นเสียงได้กล่าวหาทุกคนในห้องว่าต่างเคยฆ่าคนมาก่อน แม้กฎหมายจะเอาผิดไม่ได้ แต่ความผิดนั้นยังอยู่ในใจ และตั้งแต่นาทีนั้นเป็นต้นมา ทุกคนเริ่มตายทีละคน ตามบทของบทเพลงกล่อมเด็ก (Ten Little Soldier Boys) ที่แขวนอยู่บนผนังห้อง
ที่มาของบทเพลง Ten Little Soldier Boys

บทเพลงที่ถูกใช้ในเรื่องนี้มีชื่อว่า Ten Little Soldier Boys ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ปรับมาจากเพลงกล่อมเด็กยุควิกตอเรียนที่ชื่อ Ten Little Indians และถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นถึงต้นกำเนิด มันก็ได้รับอิทธิพลมาจากเพลงพื้นบ้านอเมริกันเพลงหนึ่งที่มีเนื้อหาเหยียดเชื้อชาติ
ด้วยความที่เพลงต้นฉบับมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เมื่อมีการนำไปใช้ในนิยายฉบับหลัง ๆ จึงมีการเปลี่ยนชื่อเพลงเป็น Ten Little Soldier Boys เพื่อให้เหมาะสมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเนื้อเพลงยังคงเดิม คือเด็กสิบคนค่อย ๆ ตายไปจากเหตุการณ์ต่าง ๆ จนไม่เหลือใครเลย
ความแตกต่างจากผลงานอื่น

ใน And Then There Were None สิ่งที่เด่นชัดที่สุดคือ “ไม่มีนักสืบ” ไม่มีใครที่เราคาดหวังจะมาไขคดี ไม่มีใครเป็นตัวแทนของตรรกะและความยุติธรรม มีเพียงผู้คนที่มีอดีตน่าสงสัยซึ่งค่อย ๆ เผยออกมาว่า “ไม่มีใครเป็นเหยื่อบริสุทธิ์จริง ๆ”
นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ยังไม่ได้ใช้โครงเรื่องแบบปิดล้อมเพื่อให้ผู้อ่านไขปริศนาไปพร้อมกับนักสืบ แต่กลับใช้ความรู้สึก “ระแวง” และ “ไม่ไว้ใจ” มาเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเรื่อง ทุกบทคือการตามหาว่าใครจะเป็นรายต่อไป และใครคือคนที่ฆ่าเพื่อนร่วมเกาะ
ทำไมถึงกลายเป็นตำนาน?

การจัดวางพล็อตเรื่องอย่างชาญฉลาดของเล่มนี้ทำให้มันกลายเป็นต้นแบบของ “whodunit” ยุคใหม่ มีทั้งจิตวิทยา การสร้างบรรยากาศกดดัน และการลำดับเบาะแสที่ไม่หลอกลวงผู้อ่าน ทุกการกระทำของตัวละครมีเหตุผลรองรับ และตอนจบก็สามารถไขปริศนาได้ครบทุกข้อ อีกทั้งการวางโครงเรื่องให้ “ไม่มีใครรอด” เป็นแนวคิดที่กล้ามากในยุคนั้น
ชื่อเรื่อง: จนศพสุดท้าย
ผู้เขียน: Agatha Christie
สำนักพิมพ์: Words
ประเภท: สืบสวน
จำนวนหน้า: 256 หน้า
RELATED POSTS





