แฟรนนี่แอนด์ซูอี้ by Biblio

แฟรนนี่แอนด์ซูอี้: การแสวงหาความหมายของชีวิตในโลกที่เสแสร้ง

คุณเคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งรอบตัวไหม? เบื่อแม้แต่กับตัวเองที่ต้องแสดงเป็นคนที่ไม่ใช่ตัวเอง หากเคย ‘แฟรนนี่แอนด์ซูอี้’ อาจจะเป็นเพื่อนที่เข้าใจความรู้สึกนั้นได้ดีที่สุด
 
หนังสือเล่มนี้เป็นละครสองตอนที่เล่าเรื่องราวในครอบครัวกลาส ครอบครัวที่เต็มไปด้วยเด็กอัจฉริยะที่ต่างคนต่างมีปัญหาในแบบของตัวเอง แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของเด็กเท่านั้น แต่มันคือการหลงทางในแบบที่ทุกคนเคยพบเจอ

การล่มสลายทางจิตของน้องสาว

แฟรนนี่ จาก Franny and Zooey (Short 2018)
แฟรนนี่ จาก Franny and Zooey (Short 2018)
ตอนแรก ‘แฟรนนี่’ เล่าเรื่องของเด็กสาวนักศึกษาที่กำลังมีอาการป่วยทางใจ แต่ไม่ใช่ความป่วยแบบที่เราเข้าใจกันทั่วไป เธอป่วยเพราะเห็นความจริงของโลกรอบตัวชัดเจนเกินไป
 
แฟรนนี่ เธอเป็นนักศึกษาสาวที่กำลังเผชิญกับวิกฤติทางจิตวิญญาณ เธอเบื่อหน่ายกับโลกการศึกษาที่เต็มไปด้วยการแสดงออกและความจอมปลอม เบื่อหน่ายกับเพื่อนๆ ที่พูดแต่เรื่องไร้สาระ เบื่อหน่ายกับทุกสิ่งที่เคยทำให้ชีวิตเธอมีความหมาย
 
ขณะที่เธอนั่งกินข้าวกับแฟนหนุ่มเลน เขาเอาแต่พูดเรื่องของตัวเอง ส่วนเธอก็จะขัดเขาในทุกคำพูด ทุกการกระทำ จนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังแปลกแยกจากโลกทั้งใบ
 
กลางมื้ออาหารกับแฟนหนุ่ม เธอล้มป่วยอย่างฉับพลัน และเริ่มจมอยู่ในโลกของการสวดภาวนา การภาวนาในแบบที่เธอเพิ่งค้นพบจากหนังสือ “The Way of a Pilgrim” เธอเชื่อว่าการภาวนาแบบนี้จะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากโลกที่กำลังบดขยี้เธอ

การเยียวยาทางใจพี่ชาย

แฟรนนี่ ที่นั่งกินข้าวกับแฟนหนุ่มของเธอ เลน
แฟรนนี่ ที่นั่งกินข้าวกับแฟนหนุ่มของเธอ เลน
ส่วนตอนที่สอง ‘ซูอี้’ เป็นเรื่องของพี่ชายที่พยายามช่วยน้องสาวด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่ด้วยการปลอบโยนหรือการให้คำแนะนำแบบผิวเผิน แต่ด้วยการสนทนาที่เจาะลึกไปถึงหัวใจของปัญหา
 
ซูอี้ไม่ได้บอกแฟรนนี่ว่าเธอคิดมาก หรือบอกให้เธอลืมปัญหาไป เขาเข้าใจว่าน้องสาวของเขากำลังต่อสู้กับสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น เขารู้ว่าการแสวงหาความหมายทางจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขด้วยคำตอบง่ายๆ
 
ครึ่งหลังของเรื่องที่โฟกัสไปที่ซูอี้ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้นั่งฟังการสนทนาในครอบครัวที่มีความลึกซึ้งจริงๆ ไม่ใช่แค่การพูดคุยเรื่องงานบ้าน แต่เป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องชีวิต ความหมาย และทิศทางของการใช้ชีวิตอยู่
 
ซาลินเจอร์ใช้บทสนทนาเป็นเครื่องมือหลักในการเล่าเรื่อง ซูอี้คุยกับแม่ของเขาในห้องน้ำ และต่อมากับแฟรนนี่ในห้องนั่งเล่น ทำให้เราเข้าใจตัวละครผ่านสิ่งที่พวกเขาพูดและวิธีที่พวกเขาพูด บทพูดของซูอี้กับแม่ หรือการสนทนาที่เขามีกับแฟรนนี่เต็มไปด้วยชั้นเชิงที่ตีความได้ไม่รู้จบ ทั้งจากสิ่งที่พูดออกมาและสิ่งที่ไม่ได้พูด

มุมมองของสองพี่น้อง

แฟรนนี่แอนด์ซูอี้ by Biblio
แฟรนนี่แอนด์ซูอี้ by Biblio
หลังอ่านแฟรนนี่แอนด์ซูอี้ ก็ยังหาคำตอบที่ชัดเจนให้กับตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนให้เราแก้ปัญหาด้วยศาสนา ไม่ได้บอกให้เราปฏิเสธโลกภายนอก
 
มันเป็นหนังสือที่เหมาะกับคนที่กำลังสับสนในสิ่งที่เคยเชื่อ เหมาะกับคนที่กำลังตั้งคำถามกับความหมายของชีวิต ศาสนา หรือความทุกข์ภายในใจ ไม่ใช่เพราะมันจะให้คำตอบ แต่เพราะมันจะเป็นเพื่อนที่ดีในการเดินทางหาคำตอบของคุณ
 
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเขียนขึ้นในช่วงปี 1950 แต่ปัญหาที่นำเสนอยังคงเป็นปัญหาของคนในยุคนี้ ความรู้สึกหลงทางกับชีวิต ความเบื่อหน่ายกับการแข่งขันที่ไม่มีที่สิ้นสุด การแสวงหาความหมายที่แท้จริงในโลกที่เต็มไปด้วยความเสแสร้ง
 
ในยุคที่โซเชียลมีเดียทำให้เรารู้สึกว่าต้องแสดงตัวเป็นคนที่ประสบความสำเร็จตลอดเวลา ในยุคที่การแข่งขันเพื่อความเป็นเลิศกลายเป็นจุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวของชีวิต หนังสือเล่มนี้ยิ่งควรถูกหยิบขึ้นมาอ่าน
ชื่อเรื่อง: แฟรนนี่แอนด์ซูอี้
ผู้เขียน: J.D. Salinger
สำนักพิมพ์: Biblio
ประเภท: วรรณกรรม
จำนวนหน้า: 264 หน้า
ในเมื่อมีเรี่ยวแรงเหลือมากพอจะสติแตก ทำไมถึงเอาเรี่ยวแรงนั้นมาทำให้ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติสุขไม่ได้ล่ะ?
- Read Again and Agian
Facebook
X (Twitter)
Copy Link

OTHER BOOKS

OTHER ARTICLES