ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส: คดีสร้างชื่อของ ‘ปัวโรต์’
เมื่อพูดถึงนิยายสืบสวนระดับตำนาน ผมต้องบอกเลยว่า ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส (Murder on the Orient Express) ของอกาธา คริสตี้ คือหนึ่งในผลงานที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำให้แอร์กูล ปัวโรต์ กลายเป็นไอคอนของวงการสืบสวนเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบของนิยายฆาตกรรมในพื้นที่ปิดที่มีผู้ติดตามมาจนถึงปัจจุบัน การที่เรื่องนี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงความเหนือกาลเวลาของมัน
ล่าสุดเวอร์ชันที่เคนเนธ บรานาห์ กำกับและรับบทเป็นปัวโรต์เอง ก็สร้างความแตกแยกในหมู่แฟนคลับอย่างชัดเจน บางคนชื่นชอบการตีความใหม่ที่เป็นหนังฟอร์มยักษ์ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งยืนยันว่าเวอร์ชันต้นฉบับของซิดนีย์ ลูเมต ในปี 1974 ยังคงเป็นจุดสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เวอร์ชันไหน ต้นฉบับนิยายก็ยังคงเป็นงานมาสเตอร์พีซที่ยืนหยัดได้ตลอดกาล
มีฆาตกรอยู่บนรถไฟ

แนวคิดที่ว่า ฆาตกรอยู่บนรถไฟและหนีไปไหนไม่ได้ นี่คือจุดเริ่มต้นของคดีสืบสวนสุดคลาสสิกที่ทำให้ผมเลือกหยิบเล่มนี้มาอ่าน เมื่อรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสที่มุ่งหน้าจากอิสตันบูลไปปารีสต้องหยุดชะงักกลางพายุหิมะในดินแดนยูโกสลาเวีย ผู้โดยสารทุกคนกลายเป็นนักโทษในคุกเคลื่อนที่โดยไม่รู้ตัว และในคืนที่มืดมิดนั้น ศพของแซมูเอล เรทเชตต์ ชายผู้มีอดีตอันลึกลับถูกพบในห้องโดยสารที่ล็อกจากด้านใน
สิ่งที่ทำให้คดีนี้น่าขนลุกไม่ใช่แค่การตายของเหยื่อ แต่คือวิธีการที่เขาถูกฆ่า บาดแผลสิบสองแผลที่กระจายไปทั่วร่างกาย บางแผลลึกถึงใจ บางแผลแค่ขีดข่วนผิวเผิน ราวกับว่าฆาตกรมีทั้งความเกลียดชังและความลังเลปนกันอยู่ หรือแท้จริงแล้วนี่ไม่ใช่ฝีมือของคนเพียงคนเดียว?
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกคนเริ่มมองหน้ากันด้วยความระแวงสงสัย แอร์กูล ปัวโรต์ นักสืบเบลเยียมผู้มีชื่อเสียงโด่งดังต้องใช้เซลล์สีเทาอันเป็นเลิศของเขาในการไขปริศนาสุดซับซ้อนนี้ เขาต้องแข่งกับเวลาเพื่อเปิดเผยความจริงก่อนที่ฆาตกรจะลงมืออีกครั้ง หรือก่อนที่บรรยากาศแห่งความหวาดระแวงจะทำลายสันติภาพที่เหลืออยู่บนรถขบวนหรูหรานี้ไปจนหมด
การเล่าเรื่องที่มาก่อนกาล
สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดในการอ่านเรื่องนี้คือโครงสร้างการเล่าเรื่องที่อกาธา คริสตี้ วางไว้อย่างประณีต เธอแบ่งนิยายออกเป็นสามส่วนหลักที่แต่ละส่วนมีจุดประสงค์และบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ภาคแรก คือ ภาคข้อเท็จจริง ทำหน้าที่เป็นการปูพื้นฐาน ผู้อ่านจะได้รู้จักกับตัวละครแต่ละคนผ่านสายตาของปัวโรต์ ได้สัมผัสกับรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส และได้รับรู้ถึงความตึงเครียดที่แฝงอยู่ใต้ผิวของเดินทางที่ดูจะเหมือนฝัน นี่คือช่วงที่คริสตี้ปลูกฝังเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ที่จะกลายเป็นกุญแจสำคัญในภายหลัง
ภาคที่สอง คือ ภาคคำให้การ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเรื่อง ปัวโรต์เริ่มดำเนินการสอบปากคำผู้โดยสารทีละคนอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ละการสัมภาษณ์ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน แต่ยังเปิดเผยเรื่องราวในอดีตที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกลับ ทุกคนต่างมีข้ออ้างที่ฟังดูสมเหตุสมผล แต่ก็มีรายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้น่าสงสัยไปด้วย
ภาคสุดท้าย คือ ภาคสรุปคดี ซึ่งเป็นช่วงที่ปัวโรต์แสดงความสามารถของเขาในการจับจุดประสานของเบาะแสทั้งหมด เขาไม่เพียงแต่เรียงเหตุการณ์ตามลำดับเวลา แต่ยังวิเคราะห์จิตวิทยาของทุกคน เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน และเปิดเผยความจริงอันซับซ้อน
ความประทับใจ

แม้ว่าผมจะได้ดูภาพยนตร์มาก่อนแล้วและรู้การเฉลยของคดีนี้ แต่การได้อ่านต้นฉบับก็ยังคงสร้างความประทับใจ เพราะบทสรุปของคดีนี้ไม่ได้หยุดแค่การตอบคำถามที่ว่า ใครเป็นคนทำ แต่มันลึกซึ้งไปถึงคำถามที่ว่า ทำไมถึงต้องทำ และที่สำคัญคือ ความยุติธรรมที่แท้จริงคืออะไร
การวางโครงเรื่องของคริสตี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะของเธออย่างแท้จริง ทุกตัวละครไม่ได้เป็นเพียงหุ่นจำลองที่มาเติมเต็มจำนวนผู้ต้องสงสัย แต่แทบทุกคนมีบทบาทสำคัญ มีเรื่องราว มีแรงจูงใจ และมีการเชื่อมโยงกันอย่างสลับซับซ้อนแต่ลงตัว เมื่ออ่านจบแล้วหันกลับไปดูตั้งแต่ตอนต้น จะพบว่าเบาะแสทุกอย่างถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว แต่คริสตี้ฉลาดมากในการนำเสนอเบาะแสเหล่านั้นในลักษณะที่ไม่ให้ผู้อ่านจับได้จนกว่าปัวโรต์จะเผยให้เห็น
ทำไมคุณถึงควรอ่าน

สิ่งที่ทำให้ผมต้องยกนิ้วให้กับเรื่องนี้มากที่สุดคือบรรยากาศที่คริสตี้สร้างขึ้นได้อย่างยอดเยี่ยม การนั่งอ่านแล้วนึกภาพตามทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่งอยู่ในห้องโดยสารหรูหราของรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส ได้สัมผัสกับความอบอุ่นของเตาผิงขณะที่ภายนอกหิมะตกหนาแน่น ได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาท่ามกลางสายลมหนาวเย็น และได้สูดดมกลิ่นอาหารชั้นเลิศที่เสิร์ฟในห้องรับประทานอาหาร
บรรยากาศแบบนี้ช่วยสร้างความ Contrast กับเหตุการณ์ฆาตกรรมที่โหดร้ายและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความโรแมนติกของการเดินทางและความสวยงามของธรรมชาติกลับกลายเป็นขั้วตรงข้ามของเรื่องราวอันมืดมนและการรับมือระหว่างปัวโรต์กับคดีสุซับซ้อน
ถ้าคุณจะไม่ชอบหนังสือเล่มนี้
อย่างไรก็ตาม ผมต้องซื่อสัตย์ว่ามีบางจุดที่อาจทำให้ผู้อ่านบางคนรู้สึกเบื่อหน่าย โดยเฉพาะในช่วงการสืบสวนที่ปัวโรต์ไล่สัมภาษณ์ผู้โดยสารทีละคนอย่างละเอียดยิบ การดำเนินเรื่องในช่วงนี้ค่อนข้างช้าและใช้เวลานาน เพราะปัวโรต์จะขุดคุ้ยความจริง อ่านท่าทางสีหน้า วิเคราะห์คำพูดแต่ละคำ และตั้งคำถามเพื่อพิสูจน์ทุกรายละเอียด
สำหรับผู้อ่านที่ชอบความรวดเร็ว หรือพลิกผันอย่างต่อเนื่อง อาจจะรู้สึกว่าการอ่านในช่วงนี้มันติดขัดไปบ้าง แต่นั่นแหละคือเสน่ห์ของนิยายสืบสวนสไตล์คลาสสิก ความช้าและความพิถีพิถันนี้เองที่ทำให้เมื่อถึงจุดเฉลยแล้ว ทุกชิ้นส่วนจะเข้ามาประกอบกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ชื่อเรื่อง: ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส
ผู้เขียน: Agatha Christie
สำนักพิมพ์: Word
ประเภท: สืบสวน
จำนวนหน้า: 264 หน้า
RELATED POSTS





